พัดลม CPU นับเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องเลือกให้ดีเพราะเนื่องจาก CPU มีความร้อนสูงการเลือกพัดลมที่ไม่เหมาะกับการ CPU อาจเกิด ความเสียหายต่อ CPU หรือทำให้ระบบคอมฯไม่มีเสถียรภาพ ได้ ปัจจุบัน พัดลม CPU ได้ถูกออกแบบมาเฉพาะกับ CPU แต่ละรุ่น ซึ่งจะมีรูปร่าง และวัสดุที่ใช้ทำต่างกัน มีการนำทองแดงมา ใช้เป็นวัสดุ ในการทำแทน อลูมิเนียม เพื่อช่วยระบายความร้อน ใส่พัดลมที่มีกำลัง แรงและมีขนาดใหญ่มีการออกแบบครีบให้มากเพื่อ ช่วยระบายความ ร้อน
เป็น Input Device ที่รับข้อมูลเป็นภาพเข้าไปผ่านอุปกรณ์ตัวนี้ ซึ่งมีประโยชน์ในการใช้ในการประชุมผ่าน Internet หรือการพูดคุยผ่าน Internet โดยเห็นน่าผู้สนทนากับเราด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม แล้วแต่ความจำเป็นของผู้ใช้
Joy Pad
จัดเป็นอุปกรณ์ Input Device อีกประเภทหนึ่ง ทำหน้าที่คล้าย Mouse แต่มีไว้สำหรับเล่นเกมส์ ซึ่งผู้ผลิต Game Pad หรือ Joystick จะทำการออกแบบลักษณะของ Game Pad เพื่อให้ ผู้ใช้รู้สึกสนุกและสมจริงกับการเล่นเกม โดยจะมีปุ่มที่ ต่างกันแล้วแต่วัตถุประสงค์ของผู้เล่น เพราะสามารถกำหนดหน้าที่ให้กับปุ่มแต่ละปุ่มได้
๑ สายไฟเข้าเครื่องต่อจาก CPU มาเสียบปลั๊กไฟ AC 220 Volt 50 HZ (หรือจะเสียบที่เครื่องหน่วงไฟก็ได้ ถ้ามีเพื่อป้องกันไฟดับไม่รู้ตัว)
๒. สายไฟจากจอไปเสียบที่ปลั๊กไฟ หรือปลั๊กจาก Case
๓. สายสัญญาณจากจอภาพ ไปต่อกับจุดเชื่อมที่ case (ต้องสังเกตให้ดีว่าแจ็คเสียบนั้นมันมีรูปร่างอย่างไร และต้องขันน๊อตให้แน่น)
๔. สายแป้นพิมพ์จะมีแจ็คเสียบสีม่วง ไปเสียบที่ case ให้ตรงสีม่วง(ถ้าเป็น port USB ก็ต้องเสียบให้ตรงport USB)
๕. สายเมาส์ จะมีแจ็คเสียบสีฟ้า ไปเสียบที่ case ให้ตรงสีฟ้า(ถ้าเป็น port USB ก็ต้องเสียบให้ตรงport USB)
ควรมีปลั๊กพิเศษแยกต่างหากกับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆและมีสวิทช์ปิด-เปิดได้รวมทั้งมีฟิวส์เพื่อป้องกันไฟลัดวงจรด้วย ส่วนอุปกรณ์ภายนอกอื่นๆก็เสียบตาม Port ที่อยู่ข้างหลัง case ๗.ข้อระวังในการใช้คอมพิวเตอร์?
๒. ไม่ควรเปิด-ปิดเครื่องบ่อยๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้บ่อยๆให้ใช้โปรแกรมรักษาหน้าจอ(screen sever) และตั้งค่าการประหยัดพลังงานแทน โดยให้คลิกขวาที่ว่างๆบน Desk top และเลือก Screen saver (การรักษาหน้าจอ) แล้วก็ตั้งเวลาและลักษณะได้ตามต้องการว่าจะให้จอภาพเกิด screen sever ภายในกี่นาที ถ้าไม่ได้ใช้งานติดต่อกัน แต่ถ้าจะตั้งให้จอภาพปิด หรือ จะปิดการทำงานของ Hard disk ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็ให้คลิกต่อที่ Energy แล้วก็เลือกเวลาที่จะให้จอปิด, เวลาที่จะให้เครื่องเตรียมพร้อม, และเวลาที่จะให้ให้ปิด Hard disk เมื่อเครื่องไม่ได้ถูกใช้งานนานๆ แล้วก็คลิก Apply และ OK
๓. อย่าปิดสวิทซ์ที่ตัว case (ต้องสั่ง Shut Downที่โปรแกรม) เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบได้และถ้าเปิดเครื่องใหม่มันก็จะทำการสแกนดิสอย่างหยาบๆเพื่อหาความเสียหายของระบบทันที
๔. ปุ่ม restart ที่ตัว case ใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เช่นเครื่องแฮงค์(ค้าง)ปิดโปรแกรมไม่ได้และ shut down ไม่ได้
แผ่น CD ได้รับการพัฒนามาเป็น DVD ที่เก็บข้อมูลได้มากถึง ๘.๕ GB เท่ากับแผ่น CD ๑๓ แผ่น นิยมใช้บันทึกภาพยนตร์เรื่องยาวๆ ซึ่งการอ่านและเขียนจะใช้แสงเลเซอร์ขนาดเล็กเป็นตัวอ่านและเขียน
เมื่อต้องเชื่อมคอมฯหลายๆเครื่องเข้าด้วยกันก็ต้องมีแผ่นไมโครชิปที่เรียกว่า LAN นี้มาช่วย โดยมีเครื่อง Server เป็นเครื่องหลักที่ควบคุมการทำงานของคอมฯทั้งหมด ๑๕.RAM Card การ์ดแรม
RAM (Random Access Memory) ซึ่ง RAM นี้ก็คือแผ่นไมโครชิปหรือแผ่นวงจรที่เสียบอยู่ที่ Motherboard ในแนวตั้ง ซึ่ง การ์ด RAM นี้จะใช้สำหรับเก็บข้อมูลและซอฟแวร์ในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ คือขณะที่เครื่องคอมพิวเตอร์ปิดอยู่นั้น RAM จะว่างเปล่าไม่มีข้อมูลใดๆ แต่พอเริ่มเปิดเครื่อง ข้อมูลและซอฟแวร์ที่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้นจะถูกคัดลอกจาก Hard disk มาเก็บไว้ที่ RAM นี้ เพื่อนำไปประมวลผลที่ CPU ก่อนที่จะนำไปแสดงที่จอภาพ แต่ถ้าปิดเครื่องหรือเกิดไฟฟ้าดับขณะนั้น ก็จะทำให้ข้อมูลต่างๆนั้นหายไปหมด ซึ่งหน่วยความจำของ นี้ก็มีหลายขนาดให้เลือก เช่น ๙๐ MB, ๑๒๘ MB , ๕๖๐ MB ยิ่งมีแรมมาก ก็จะยิ่งทำงานหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้มาก (ส่วนคำว่า ROM มาจากคำว่า Read Only Memory ซึ่งหมายถึงหน่วยความจำที่เอาไว้อ่านเพียงอย่างเดียว จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรียกว่าเป็นความทรงจำถาวร แม้ไฟฟ้าดับความทรงจำนี้ก็ยังอยู่ ไม่หาย เช่นข้อมูลในแผ่น CDซึ่ง ROM นี้จะมีอยู่ในไมโครชิปของอุปกรณ์แต่ละตัวที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์) ๑๖.CPU หน่วยประมวลผลกลาง
CPU (Central Processing Unit) คือไมโครชิปพิเศษที่เสียบอยู่ที่ Motherboard และมีพัดลมเล็กๆติดอยู่ด้วย ซึ่ง CPU จะทำหน้าที่ประมวลผลและแสดงผลให้ปรากฏบนจอภาพ ซึ่งCPU นี้จัดเป็นหัวใจของคอมฯ และมีความเร็วในการคำนวณต่างกัน เช่น ๘๐๐ MH, ๑ GH, ๓ GH เป็นต้น ถ้ายิ่งเร็วก็จะยิ่งทำให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้นแต่จะเกิดความร้อนมากตามไปด้วย ซึ่งในปัจจุบัน CPU มีอยู่ ๒ ยี่ห้อใหญ่ๆ คือ
๒.AMD ซึ่งไม่ค่อยนิยมเท่าของ Intel ๑๗. Hard Disk Drive อุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดจานแข็ง
Hard Disk Drive อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเมื่อมีการบันทึกไว้และใช้อ่านข้อมูลส่งไปยัง CPU ซึ่ง Hard Disk Drive จะเป็นกล่องแบนๆขนาดสักเท่าฝ่ามือเรา โดยฝากล่องโลหะจะปิดสนิทจนเกือบเป็นสุญญากาศเพื่อป้องกันฝุ่นเข้าไปทำให้ข้อมูลเสียหาย ซึ่งภายในจะมีแผ่นโลหะแข็ง ที่เป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓. ๕ นิ้ว ที่ผิวของแผ่น Hard Disk จะเคลือบด้วยสารแม่เหล็กไว้บางๆ และหมุนด้วยความเร็วคงที่โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และมีหัวอ่าน/เขียนเคลื่อนที่ผ่านชิดผิวหน้าของแผ่น Hard Disk เพื่ออ่านและเขียนข้อมูล โดย Hard Disk จะมีหลายขนาดคือมีความจุในการเก็บข้อมูลต่างกัน เช่น 20 GB ,40 GB ,80 GB ,200 GB เป็นต้น และ Hard Disk แต่ละรุ่นจะมีความเร็วรอบในการหมุนต่างกัน ถ้ายิ่งเร็วจะยิ่งอ่าน/เขียนได้เร็วขึ้น เช่น ๗๕๐ RPM … ๑๘.Computer ทำงานได้อย่างไร?
Computer จะประกอบด้วย
๑.Hard ware ซึ่งได้แก่อุปกรณ์ทั้งหมดของคอมฯ
๒.Soft ware ซึ่งได้แก่ระบบปฏิบัติการของเครื่อง ๑๙.Soft Ware คืออะไร?
Soft ware ที่นิยมมากคือ Window ของบริษัท Microsoft ซึ่งมีหลายรุ่น เช่น Window 95, Window 98 , Window ME,Window2003,Window XP เป็นต้น ถ้าแบบถูกลิขสิทธิ์ราคาจะแพงมาก เช่น Window XP ราคาประมาณ ๘,๐๐๐ บาท และ Office XP อีก ประมาณ ๔,๐๐ บาท แต่ผู้คนนิยมแผ่นก็อปปี้ราคาถูก แต่ว่าผิดกฎหมายถ้าถูกจับจะถูกปรับสูงมาก และยังมี Soft ware ยี่ห้ออื่นๆ เช่น Macintosh ของบริษัท Apple
ปัจจุบันนี้เรามีโปรแกรมฟรีให้ใช้คือยี่ห้อ Linux ซึ่งได้รับการพัฒนามานานและคนไทยก็เอามาพัฒนาต่อเป็นภาษาไทยด้วย(ซึ่งใช้งานพื้นฐานได้เหมือน Windowทุกประการ) แต่ว่าผู้คนยังไม่ค่อยนิยมเพราะยังไม่ชินจึงไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร แต่ว่าเป็นของฟรีที่เราควรหันมาใช้กันดีกว่าไปขโมยใช้ WINDOWของเขาโดยไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งมีความเสียหายทั้งด้านชื่อเสียงรวมทั้งอาจถูกปรับสูงมากถ้าถูกจับได้ และที่สำคัญทำให้เราไม่ภาคภูมิใจที่เป็นขโมยไปขโมยสติปัญญาของผู้อื่นมาใช้โดยไม่รับอนุญาต เวลาสั่งซื้อคอมฯก็สั่งร้านให้เขาลงโปรแกรมของ Linux ได้ฟรี หรือหาซื้อมาลงเองก็ได้ถ้าทำเองได้ ๒๐.Computer เริ่มทำงานอย่างไร?
เมื่อกดสวิทซ์เปิดเครื่องที่ case จะมีกระแสไฟเข้าไปหล่อเลียงวงจรที่ motherboard ในขั้นนี้คอมฯจะโหลด(ดึง)เอาโปรแกรมเล็กๆโปรแกรมหนึ่งจาก Hard disk ขึ้นมาให้ทำงาน ซึ่งโปรแกรมนี้จะทำหน้าที่ค้นหาระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งเอาไว้ที่ Hard disk เมื่อพบก็จะทำการดึงระบบปฏิบัติการนั้นออกมา แล้วระบบปฏิบัติการนั้น(เช่น Window) ก็จะเริ่มทำงานได้ แต่ถ้าไม่พบมันก็จะแสดงข้อความบอกว่าเกิดความเสียหายหรือค้นไม่พบระบบปฏิบัติการ ซึ่งนี่เรียกว่าการ Boot หรือ Start up ซึ่งหมายถึงการดึงระบบออกมาใช้งานหรือเปิดเครื่องใช้งาน
ในปี ค.ศ.1939 Dr. Howard H. Aiken จาก Harvard University ได้ร่วมมือกับบริษัท IBM ออกแบบคอมพิวเตอร์โดยใช้ทฤษฎีของ Babbage และในปี ค.ศ.1944 Harvard mark I ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ซึ่งมีขนาดยาว 5 ฟุต ใช้พลังงานไฟฟ้าและใช้ relay แทนเฟือง แต่ยังทำงานได้ช้าคือใช้เวลาประมาณ 3-5 วินาทีสำหรับการคูณ การพัฒนาที่สำคัญกับ Mark I ได้เกิดขึ้นปี 1946 ดดย Jonh Preper Eckert, Jr. และ Dr. Jonh W.Msuchly จาก University of Pennsylvnia ได้ออกแบบสร้างเครื่อง ENIAC ( Electronic Numeric Integator and Calcuator ) ซึ่งทำงานได้เร็วอยู่ในหน่วยของหนึ่งส่วนล้านวินาที ในขณะที่ Mark I ทำงานอยู่ในหน่วยของหนึ่งส่วนพันล้านเท่า โดยหัวใจของความสำเร็จนี้อยู่ที่การใช้หลอดสูญญากาศมาแทนที่ relay นั่นเอง และถดจากนั้น Mauchly และ Eckert ก็ทำการสร้าง UNIVAC ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิส์เพื่อการค้าเครื่องแรกของโลก
การพัฒนาที่สำคัญได้เกิดขึ้นมาอีก เมื่อ Jonh von Neumann ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของโครงการ ENIAC ได้เสนอแผนสำหรับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จะทำการเก็บโปรแกรมไว้ในหน่วยโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำที่เหมือนกับที่เก็บข้อมูล ซึ่งพัฒนาการนี้ทำให้สามารถเปลียนวงจรของคอมพิวเตอร์ได้ดดยอัตโนมัติแทนที่จะต้องทำการเปลียนสวิทต์ด้วยมือเหมือนช่วงก่อน นอกจากนี้ Dr. Von neumann ยังได้นำระบบเลขฐานสองมาใช้ในคอมพิวเตอร์ซึ่งหบักการต่งๆเหล่านี้ได้ทำให้เครื่อง IAS ที่สร้างโดย Dr. von Neumann เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์เครื่องแรกของโลก เป็นการเปิดศักราชของคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริงและยังได้เป็นบิดาคอมพวเตอร์คนที่ 2